วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

เพราะเราผูกพันธ์....

วันนี้ป้าแน่งกับป้าน้อย จะพาพยาบาลหอผู้ป่วยใน 1ไปเยี่ยมบ้าน ไปดูงานด้วย ไปดูซิว่าเวลาป้าๆไปเยี่ยมบ้านเป็นยังไงกันบ้าง เวลา 13.00น.รถออกจากโรงพยาบาลป้าแน่งบอกว่า วันนี้เราจะไปเยี่ยมผู้ป่วยระยะสุดท้าย 2 คนที่บ้านหนองฟ้าแลบ คนแรกชื่อยายปิวเป็นมะเร็งตับอ่อน คนที่ 2ยายคำฝุ่นเป็นมะเร็งปอด พี่ต้นคนขับรถขับรถไปเรื่อยๆระหว่างทางพี่แน่ง เล่าให้ฟังว่าความจริงแล้ววันนี้ไม่ใช่โปรแกรมออกเยี่ยมบ้านแต่จะพาน้องไปเยี่ยมยายเพราะว่าคุณยายดูไม่ค่อยดี การไปเยี่ยมคุณยายครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เดี๋ยววันนี้เราจะไปเยี่ยมยายปิวก่อนคงใช้เวลาไม่มากนัก แล้วค่อยไปเยี่ยมยายคำฝุ่น
รถมาจอดหน้าบ้าน 2 ชั้น บ้านดูเงียบ ๆ แต่เปิดประตูไว้ พี่แน่งเดินเข้าไปหน้าบ้าน “สวัสดีค่ะหมอมาเยี่ยมค่ะ” สักครู่ป้าออนลูกสะใภ้ยายปิวเดินออกมายิ้มสวัสดีทักทาย พาเรา ป้าแน่ง ป้าน้อย เดินเข้าไปในห้อง ยายปิวนอนอยู่ในห้องชั้นล่างหลับตา ดูเหมือนอ่อนแรงเต็มที ป้าออนบอกว่า ยายไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าวันนี้นอนเป็นส่วนใหญ่ ปลุกก็ไม่ตื่น ป้าแน่งเข้าไปนั่งที่บนเตียงกับคุณยาย จับมือถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร “ยายเป็นไงบ้างหมอมาเยี่ยม” ยายปิวขยับตัวเล็กน้อยรับทราบถึงการมาของผู้มาเยือน ขวัญจับมือยายปิวดูปลายมือปลายเท้า เริ่มเขียวเย็นชื้น คุณยายหายใจแผ่ว ๆ ด้วยความลำบาก ดูเหมือนครั้งนี้ยายอาการทรุดลงมาก
ป้าแน่งเล่าว่า ครั้งแรกที่มายายยังพูดคุยได้ รู้ตัวรู้เรื่องดี คุณยายรู้สึกแปลกใจที่มีคุณหมอจากโรงพยาบาลด่านซ้ายมาเยี่ยม ป้าออน เล่าว่าหลังจากที่ป้าแน่งกลับคุณยายดีใจใหญ่ โทรไปเล่าให้ลูก ๆ หลาน ๆ ที่สกลนครฟังว่ามีหมอมาเยี่ยมด้วย คุณยายเป็นคนสกลนครพึ่งย้ายมาอยู่กับลูกชายที่บ้านหนองฟ้าแลบได้ 2 เดือนหลังจากป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน
การเยี่ยมครั้งที่ 2 ที่ป้าแน่งมาเยี่ยม ยายยังพูดได้ ยิ้มดีใจเมื่อป้าแน่งและน้องแอน (พยาบาลหอผู้ป่วยใน 1) ไปเยี่ยม คุณยายบอก “ไม่ห่วงอะไรแล้ว” มีเหนื่อยมากขึ้น เวลาลุกทำกิจกรรมเหนื่อยง่าย แต่ยายไม่เหนื่อยใจ ยายมีความสุขมากที่ได้อยู่ท่ามกลางลูกหลานอันเป็นที่รัก ตอนนี้คุณยายใส่ Pampers ไว้เพราะลุกเข้าห้องน้ำไม่ไหว น้องอู๋ก็จะเป็นคนคอยเปลี่ยน Pampers เช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดให้ยายปิวด้วยความเต็มใจ เวลาออกไปธุระข้างนอกก็จะรีบกลับมาหาคุณยาย ทำงานอยู่ใกล้ ๆ คอยฟังเสียงเรียกของย่า
น้องอู๋ เป็นลูกชายป้าออนกับคุณลุงตำรวจที่เป็นลูกชายยายปิว ยายปิวผูกพันธ์กับหลานคนนี้มาก เพราะยายเลี้ยงมาตั้งแต่แรกเกิด สองยายหลานจะสนิทกันมาก “เขารักของเขา” น้องอู๋เป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ อายุ 28 ปี ตั้งแต่รู้ว่ายายไม่สบาย น้องอู๋ก็ลาออกจากสโมสรฟุตบอล มาดูแลยายโดยเฉพาะ
ตื่นเช้าขึ้นมาทุกเช้า น้องอู๋ จะตื่นขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ยาย พายายเข้าห้องน้ำ ทำกับข้าวให้ยาย และพายายไปใส่บาตรหน้าบ้านทุกเช้า เป็นภาพประทับใจที่ใคร ๆ เห็นแล้วชื่นใจ เด็กหนุ่มในวัยนี้ แทนที่จะไปเที่ยวเล่น อยู่กับเพื่อน แต่กับมาอยู่กับย่า ดูแลด้วยความใส่ใจตลอดทั้งวัน น้องอู๋จะคอยดูแลยายปิวอยู่ไม่ห่าง ห้องที่นอนเป็นห้องของน้องอู๋ รอบ ๆ ห้องมีภาพนักกีฬาที่น้องอู๋ชื่นชอบติดอยู่เต็มไปหมดแต่บนหัวเตียงที่ยายปิวนอนอยู่ด้วยเป็นรูปหลวงปู่ หลวงพ่อที่ยายปิวศรัทธา

แต่การมาเยี่ยมครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 คุณยายเรียกไม่ลืมตา ไม่มีเสียงพูด เสียงหัวเราะเหมือนครั้งก่อน ป้าแน่งนั่งจับมือ พูดข้าง ๆ หูคุณยาย “ถ้าเหนื่อยมากก็พักนะค่ะคุณยาย ทำบุญทำกุศลมาเยอะแล้ว ให้นึกถึงบุญทานที่เคยทำมา ไม่ต้องห่วงใครแล้วนะค่ะ”
ป้าออนบอกว่ายายปิวพูดครั้งสุดท้ายถามหาลุงตำรวจที่เป็นลูกชาย ป้าออนบอกว่าคุณลุงไปช่วยน้ำท่วม ที่อยุธยาตั้งแต่เมื่อวาน ป้าออนโทรบอกคุณลุงแล้ว ถึงอาการทรุดลงของยายปิว คุณลุงกำลังจะกลับมา
ป้าน้อยนั่งอยู่ข้าง ๆ ป้าแน่ง บอกให้ คุณยายภาวนา พุทธโธ หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ พูดไปน้ำตาไหลออกมา ด้วยความสงสารยาย เพราะว่าป้าน้อยรู้จักคุ้นเคยกับยายปิวนานแล้ว เคยเจอกันบ่อย ๆ เพราะแฟนป้าน้อยทำงานอยู่ที่เดียวกับลูกชายของยายปิว ป้าออนนั่งจับมือคุณยายอยู่อีกข้างน้ำตาซึม พูดไม่ให้ยายห่วงอะไร บอกลูกชายกำลังเดินทางมา
น้องอู๋เดินเข้ามาในห้อง ป้าแน่งบอกว่า ตอนที่คุณยายหายใจหอบขึ้น ปลายมือปลายเท้าเขียว เย็นยายคงอยู่กับเราอีกไม่นาน น้องอู๋นั่งลงแทบเท้าคุณยาย เอามือกุมเท้าคุณยายร้องไห้เงียบ ๆ ด้วยความเสียใจ ถึงแม้จะทำใจมานานแล้ว ความรู้สึกสูญเสียคนที่รักและผูกพันธ์ที่กำลังจะจากไป ไม่มีใครที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ในระหว่างนั้น คุณป้าออน เปิดเทปธรรมะที่ยืมมาจากโรงพยาบาลด่านซ้าย ให้คุณยายฟังเบา ๆ
ป้าน้อยยังร้องไห้ไม่หยุด ป้าแน่งน้ำตาคลอแต่ไม่ร้องไห้ ป้าน้อยค่อย ๆ ขยับตัวออกมา บอกให้น้องอู๋เข้ามานั่งกุมมือคุณยาย นั่งเป็นเพื่อนส่งยายเป็นครั้งสุดท้าย พูดคุยกับยายเป็นครั้งสุดท้าย น้องอู๋นั่งนิ่งพูดไม่ออก มีแต่แววตาที่มองคุณยายด้วยความห่วงใย ทุกคนนั่งเป็นเพื่อนยายปิว ส่งใจให้ยายไปสู่ภพภูมิที่ดี ป้าแน่ง ป้าออน พูดให้คุณยายสบายใจ อย่าห่วงกังวล คุณยายหายใจเหนื่อย ขยับแขนขาเล็กน้อย เรานั่งฟังเทปธรรมมะไปพร้อมคุณยายประมาณ 1 ชั่วโมง ป้าแน่งขอตัวกลับก่อน บอกลาและกราบที่หน้าอกยายปิวเป็นครั้งสุดท้าย ป้าแน่งถามว่า เรามีอะไรจะพูดกับยายไหม ข้าพเจ้าขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ คุณยายพูดบอกให้คุณยายเข้มแข็ง ต่อสู้กับความเจ็บปวดก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกดับ อดทนต่อสู้กับความเหนื่อยที่ต้องเผชิญ ให้คุณยายนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เคารพนับถือ นึกถึงครูบา อาจารย์ที่สกลนครที่คุณยายเคยกราบไหว้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ใจคุณยายมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีทานศีล กุศลที่ทำเป็นที่พึ่ง.....
ก่อนกลับ ป้าน้อยบอกว่าจะขอเป็นเพื่อนคุณยายต่อ ให้ป้าแน่งกับข้าพเจ้ากลับมาก่อนหลังจากบอกลา ยายปิวแล้ว ป้าออนออกมาส่ง ข้าพเจ้ากับป้าแน่งที่หน้าบ้านบอกกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ วันนี้คงไม่ได้ไปเยี่ยมยายคำฝุ่นแล้วเพราะเวลาคงไม่พอ ไว้วันหลังก่อนก็แล้วกัน....
ข้าพเจ้ากลับมาที่โรงพยาบาลเวลา 15.00 น. มาทำงานช่วยเพื่อนที่ตึกต่อ แต่ใจก็คิดถึงยายปิวว่าจะเป็นยังไงบ้าง เวลา 17.00 น. ข้าพเจ้ากับน้องแอนกำลังจะกลับบ้าน น้องแอนรอข้าพเจ้าอยู่นอกห้องพักเวร ได้ยินเสียงป้าแน่งเรียก “แอน ๆ คุณยายปิวเสียแล้วน่ะ” ข้าพเจ้ารีบเดินออกมาจากห้องพักเวร ถามป้าแน่ง “จริงเหรอค่ะป้าแน่ง” ถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นความจริงแน่ ๆ ข้าพเจ้ากับน้องแอนมองหน้ากันรู้สึกสงสารคุณยายเหมือนๆกัน ป้าน้อยโทรมาบอกคุณยายจากไปอย่างสงบ น้องอู๋ ป้าออน ยังคงกุมมือจนกระทั่งคุณยายจากไป ความผูกพันธ์ของคุณย่ากับหลานชายสุดที่รัก ยากที่จะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้การได้จากโลกนี้ไปท่ามกลางคนที่รัก คงทำให้คุณยายอบอุ่นและสุขใจอย่างที่สุด ...
* การทำสิ่งดี ๆ ตอบแทนคนที่คุณรักครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากกัน คุณล่ะทำอะไรดี ๆ เพื่อคนที่คุณรักหรือยัง*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น